food

  เนื่องจาก Omega 3 และ DHA เป็นกรดไขมันจำเป็นไม่อิ่มตัวชนิดหนึ่งที่ร่างกายสร้างเองไม่ได้ จำเป็นต้องได้รับจากการทานอาหารเท่านั้น Omega 3 มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของเด็กเป็นอย่างยิ่ง ช่วยพัฒนาการทำงานของสมองและจิตใจ เพิ่มสมาธิ และความจำที่ดี ขณะที่ DHA จะเป็นโครงสร้างพื้นฐานของสมองและจอประสาทตา คอยถ่ายทอดสัญญาณและสื่อสารระหว่างเซลล์สมอง ทำให้เกิดความจำและการเรียนรู้ที่ดี

นอกจากนี้ การกินอาหารที่สด สะอาด ถูกสุขอนามัย และมีสารอาหารครบถ้วนตามช่วงวัย จะทำให้เด็กๆ มีพลังงานในการขับเคลื่อนร่างกาย พัฒนากล้ามเนื้อให้แข็งแรง และสมองก็จะได้รับสารอาหารจำเป็นด้วยเช่นกัน เพราะอาหารที่ดีมีประโยชน์จะทำให้เซลล์สมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ความจำดี อารมณ์ดี ผ่อนคลาย รวมไปถึง ช่วยเรื่อง IQ ด้วย

สารอาหารสำคัญ ที่สมองต้องการ

Omega 3 ดังที่บอกไปแล้วว่า Omega 3 มีความสำคัญกับเด็ก โดยเฉพาะการพัฒนาสมอง ช่วยในการพัฒนาระบบประสาทและสมอง กระตุ้นให้เซลล์สมองมีความไวต่อสัญญาณประสาท ทำให้สมองกระฉับกระเฉง มีสมาธิ พร้อมเรียนรู้ และมีการจดจำที่ดี อาหารที่มี Omega 3 ได้แก่ ปลาทะเลน้ำลึก เช่น แซลม่อน ทูน่า ไข่ไก่ อะโวคาโด และอัลมอนด์

DHA เป็นกรดไขมันจำเป็นต่อการทำงานของสมอง การมองเห็น และระบบประสาทของเด็กๆ ดังนั้นเด็กๆควรได้รับ DHA อย่างเหมาะสมและเพียงพอ เพื่อให้สมองทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ อาหารที่มีส่วนประกอบของ DHA ได้แก่ นม ปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า สาหร่ายทะเลบางชนิด รวมถึงน้ำมันที่สกัดจากผลิตภัณฑ์ทางทะเล

วิตามิน A มีบทบาทสำคัญในการเจริญเติบโต ช่วยบำรุงเซลล์ให้แข็งแรง บำรุงสายตา ช่วยในการมองเห็น ส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันของลูก ช่วยป้องกันการคติดเชื้อ พบใน ไข่ นม ตับ ผักใบเขียว เช่น ตำลึง ชะอม คะน้า ผักบุ้ง บล็อกโคลี และผักผลไม้ที่มีสีเหลืองแดง เช่น แครอต แคนตาลูป มะละกอ แตงโม เป็นต้น

วิตามิน B1 ช่วยบำรุงสมอง เป็นตัวนำกระแสความรู้สึกของเส้นประสาท กระตุ้นการทำงานของหัวใจ และทางเดินทางอาหาร ทำให้สมองแข็งแรง มักพบในถั่ว งา ข้าวโพด ขนมปังไม่ขัดขาว ข้าวกล้อง และธัญพืชต่างๆ

วิตามิน B2 ช่วยเรื่องการเจริญเติบโตและการพัฒนาของสมองเด็ก หากร่างกายได้รับในปริมาณที่ไม่เพียง พอ จะทำให้เป็นเด็กแคระแกร็น โดยเฉพาะขณะตั้งครรภ์ หากคุณแม่ได้รับวิตามิน B2 ในปริมาณที่ไม่เพียงพอ อาจทำให้ลูกสมองเล็กกว่าปกติได้ แหล่งที่พบวิตามินบี 2 ได้แก่ ไข่ นม ถั่ว โยเกิร์ต ชีส ผักใบเขียว ปลา ตับ เป็น

วิตามิน B3 ช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองและระบบประสาท เสริมการทำงานของสารสื่อประสาท ช่วยให้ความจำดี ให้มีความจำดี พบใน ไข่ ปลา เนื้อไม่ติดมัน ตับ อกไก่ โฮลวีต จมูกข้าวสาลี ถั่วลิสง อะโวคาโด อินทผลัม ลูกพรุน ลูกฟิก

วิตามิน B6 ช่วยผลิตสารเคมีในสมอง กระตุ้นระบบประสาทและควบคุมการทำงานของสมอง จะพบได้ในอาหารประเภท นม ไข่ และเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อปลา ไก่ ไข่ ตับ ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต จมูกข้าวสาลี ถั่วลิสง ถั่วเหลือง วอลนัท กะหล่ำปลี แคนตาลูป

วิตามิน C เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันสมองและร่างกายจากสารพิษและมลภาวะต่างๆ พบมากในมะเขือเทศ ฟักทอง ถั่ว ผักใบเขียว มะละกอ ฝรั่ง ฯลฯ

วิตามิน D วิตามินดี เป็นส่วนช่วยดูดซึมแคลเซี่ยมและฟอสฟอรัส ช่วยในการเจริญเติบโตของเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย อาหารที่มีวิตามินดี คืออาหารปลาทะเล ตับ และไข่แดง น้ำมันตับปลา นม โยเกิร์ต เป็นต้น

วิตามิน E เป็นสารอาหารในกลุ่มต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความจำเสื่อม พบมากใน เมล็ดทานตะวัน ผักโขม บล็อกโคลี กีวี มะม่วง ฯลฯ

อาหาร 5 หมู่ สร้างลูกสมองดี

การทานอาหารครบ 5 หมู่ นอกจากจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว อาหารหลัก 5 หมู่ ยังมีสารอาหารที่ดีต่อสมองของลูกอีกด้วย เพราะสารบำรุงสมองทั้งหลายล้วนแปลงมาจากสารอาหารจากธรรมชาติ ที่มาจากอาหารหลัก 5 หมู่ทั้งสิ้น

ถ้าลูกเลือกกินอาหาร โดยเฉพาะขนมหวาน หรืออาหารที่ไม่มีประโยชน์ นอกจากจะเป็นโทษต่อร่างกายแล้ว ยังส่งผลให้สมองอ่อนล้าง่าย ทำงานไม่มีประสิทธิภาพ เรียนรู้ได้ช้าลง และการจดจำก็แย่ลงด้วย

บทความแนะนำ :

5 อาหารที่ลูกไม่ควรทานซ้ำๆ
4 ตัวการแพร่เชื้อโรคสู่อาหาร โปรดระวัง!!
อาหารเสริมสำหรับลูกน้อยวัย 6-12 เดือน
พ่อแม่ควรรู้!! ก่อนให้ลูกวัย 6 เดือนเริ่มทานอาหาร

ขอบคุณข้อมูลจาก : Momypedia