เมื่อลูกอยู่ใน “สถานการณ์อันตรายแบบนี้” แม่ควรรับมืออย่างไร?

คุณพ่อ คุณแม่คงปฏิเสธไม่ได้ว่า การมีลูกเล็กๆ อยู่ในครอบครัว คงต้องหนักใจ และเป็นห่วงลูกมากเป็นพิเศษ เพราะความซุกซน ทำให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด วันนี้เราได้นำวิธีช่วยเหลือลูกน้อย เมื่อเกิดอันตรายมากฝากค่ะ
1.เมื่อลูกก้างติดคอ
ขณะที่ลูกรับประทานอาหาร แล้วเรื่องที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น โดยเฉพาะอาหาร เช่น ปลา ที่มีก้าง อาจติดคอลูกน้อยได้ ลองปั้นข้าวเป็นก้อนไม่ต้องใหญ่มาก แล้วให้ลูกกลืนข้าวก้อนนั้นโดยไม่ต้องเคี้ยว หรืออาจเปลี่ยนเป็นกล้วยสุก หรือขนมปังนิ่มๆ ก็ได้ แต่ถ้ากลืนแล้วยังไม่ดีขึ้น ให้ผสมน้ำส้มสายชูกับน้ำให้เจือจาง แล้วให้ลูกดื่ม น้ำส้มสายชูจะทำให้ก้างปลาอ่อนตัวลง และหลุดออกง่าย แต่ถ้ายังไม่ออก ให้รีบพบแพทย์
2.เมื่อลูกถูกไฟดูด
จากงานวิจัยพบว่า เด็กที่มีความเสี่ยงถูกไปดูดมากที่สุด คือ เด็กที่มีอายุน้อยกว่า 5 ปี เพราะความอยากรู้อยากเห็นสิ่งรอบตัว และไม่รู้ถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้น การช่วยเหลือเมื่อลูกถูกไฟดูด ห้ามใช้มือเปล่าดึงลูก ขณะที่ถูกไฟดูด เพราะกระแสไฟจะวิ่งเข้าสู่ตัวทันที ให้ใช้ผ้าแห้งหนาๆ ห่อมือ หรือพับหนังสือพิมพ์หนาๆ แล้วผลักลูกที่โดนไฟดูดออก ต้องให้แน่ใจด้วยว่าตัวเอง ตัวแห้งดีแล้ว และรีบยกคัตเอาท์ลง หรือดึงปลั๊กออก เมื่อแน่ใจว่ากระแสไฟถูกตัดแล้ว ให้วิ่งเข้ามาดูลูก รีบปฐมพยาบาล เช่น ดูว่าหัวใจหยุดเต้นหรือไม่ ถ้าหยุดให้รีบนวดหัวใจ ผายปอด และรีบพาส่งโรงพยาบาล ถ้าถูกดูดไม่มาก ตรวจดุว่ามีแผลหรือไม่ ถ้าปกติดี ก็ให้ลูกนอนพัก และเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด
3.เมื่อสารพิษเข้าตาลูก
อย่าวางขวดที่มีสารพิษไว้ในที่ที่ลูกเอื้อมถึง อาจทำให้ลูกเกิดอันตราย เช่น สารเคมีกระเด็นเข้าตา เมื่อเกิดสถานการณ์เช่นนี้ ให้พ่อแม่รีบล้างตาลูกด้วยน้ำสะอาดทันที โดยตะแคงศีรษะ และใช้น้ำสะอาดจากก๊อก หรือน้ำยาล้างตารินผ่านทางหัวตาช้าๆ และรีบนำส่งโรงพยาบาลโดยเร็ว กรณีที่สิ่งแปลกปลอมติดอยู่ รีบนำส่งโรงพยาบาลโดยด่วน เพื่อให้แพทย์ช่วยจัดการ ซึ่งคุณแม่ไม่ควรนำสิ่งแปลกปลอมนั้นออกด้วยตัวเอง เพราะอาจจะเป็นอันตรายต่อตาลูกน้อยได้
4.เมื่อลูกจมน้ำ ขณะอาบน้ำในอ่าง
สถานการณ์นี้อาจจะเกิดขึ้นกับเด็กเล็กเป็นส่วนใหญ่ แต่ใช่ว่าเด็กโตจะไม่พบ ซึ่งหากลูกหกคะมำในท่าคว่ำหน้าลงในอ่างน้ำ คุณแม่ต้องอุ้มลูกน้อยขึ้นในท่าศีรษะต่ำ เพื่อช่วยให้สิ่งแปลกปลอมหรือเสมหะออกมา ป้องกันการสำลักน้ำเข้าปอด กรณีเด็กที่ไม่รู้สึกตัว ให้คุณแม่ทำการผายปอดแต่ถ้ายังไม่ดีขึ้น ให้นำส่งโรงพยาบาลทันที
5.เมื่อลูกโดนน้ำร้อนลวก
น้ำร้อนถือเป็นภัยที่สร้างความเจ็บปวด และแสบผิวหนังจนพุพอง ดังนั้นสิ่งแรกที่ควรทำเมื่อลูกถูกน้ำร้อนลวกคือ พ่อแม่ควรถอดเสื้อของลูกออกทันที ห้ามเจาะแผลพุพองหรือตัดเศษผิวหนังออก เพราะการกระทำดังกล่าวอาจะทำให้เกิดการติดเชื้อขึ้นได้ และห้ามใส่น้ำมัน ยาสีฟัน หรือยาใดๆ บนบาดแผลที่ถูกน้ำร้อนลวก แต่ควรประคบบริเวณแผลด้วยน้ำเย็น รวมทั้งคุณแม่ควรปิดแผลด้วยผ้าก็อช หรือผ้าเช็ดหน้าที่สะอาด (อย่าใช้สำลีเป็นอันขาด) จากนั้นจึงนำไปพบแพทย์ทันที
6.เมื่อแมลงมีพิษกัดต่อย
ถ้าลูกถูกผึ้งต่อย ไม่ควรพยายามเอาเหล็กในออกด้วยตัวเอง เนื่องจากเหล็กในของผึ้งมีพิษ อย่าให้นิ้วแตะถูกบริเวณบาดแผล แต่ให้ประคบด้วยถุงน้ำแข็ง หรือน้ำเย็นเพื่อป้องกันไม่ให้พิษจากเหล็กในซึมเข้าสู่ร่างกาย จากนั้นให้รีบพาไปพบแพทย์โดยเร็ว
7.เมื่อลูกโดนของมีคมบาด
การถูกมีดบาด ถือเป็นเรื่องปกติที่เด็กจะโดนบาดกัน ซึ่งเชื่อว่า ลูกๆ ของท่านผู้อ่านคงต้องโดนบาดกันมาบ้างแล้ว อย่างไรเสียเมื่อถูกบาดแล้ว ให้รีบทำความสะอาดบริเวณรอบๆ บาดแผลโดยใช้สำลีชุบน้ำยาฆ่าเชื้อโรคที่เจือจางด้วยน้ำ และเช็ดในทิศทางที่ออกจากแผล จากนั้นปล่อยให้แห้ง ทาครีมที่มียาฆ่าเชื้อโรค หรือปล่อยให้แผลเปิดแห้ง หรือถ้าถูกตะปูตำอวัยวะของร่างกาย ควรทำความสะอาดแผลเบื้องต้น
บทความแนะนำ :
เตือนพ่อแม่ไม่ควรทำแบบนี้…อาจเป็นการทำลายลูกน้อย!!!
เลี้ยงลูกเข้มงวดไปหรือเปล่า…มาดูกัน!!
ถ้าลูก “ทำตัวไม่น่ารัก” คุณแม่ควรรับมืออย่างไร?
เช็คด่วน!! วันนี้คุณเลี้ยงลูกแบบ “พ่อแม่รังแกฉัน” หรือเปล่า?
ขอบคุณข้อมูลจาก : amarinbabyandkids
ภาพจาก : Justdakhila.com
