Hud-01
โรคหัด ระบาดหนัก!! อันตรายถึงชีวิต พ่อแม่ควรรู้ไว้ก่อนสายไป!!

สำนักงานสาธารณสุข จ.ยะลา ระบุโรคหัดระบาดหนัก ตั้งแต่ 1 ก.ย. – 15 ต.ค. 61 มีผู้ป่วย 495 ราย เสียชีวิตแล้ว 6 ราย ต้องสงสัยอยู่ไอซียูอีก 2 ราย โดยเป็นเด็กทั้ง 2 ราย เตือนให้ ปชช. มารับการฉีดวัคซีนฟรี

หากบ้านไหนมีบุตรหลาน ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนโรคหัด จงมารับการฉีดวัคซีนโดยด่วน ที่สถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้านฟรี และหากเด็กมีไข้ ไอ มีผื่นแดงและตาแดง ให้แยกออกไม่ให้สัมผัสกับเด็กอื่น เป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์ และในกรณีที่ในบ้านที่มีเด็กสัมผัสร่วมบ้านกับผู้ป่วย หากไม่ได้รับวัคซีนหรือฉีดวัคซีนไม่ครบตามเกณฑ์ ให้ผู้ปกครองนำเด็กไปฉีดวัคซีนให้ครบ หรือในกรณีของเด็กนักเรียน หากมีอาการข้างต้นให้หยุดอยู่บ้านเป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์… (ข่าวจาก workpointnews.com เมื่อวันที่ 16 .ต.ค.61)

Hud-03

โรคหัด เป็นโรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ที่สามารถแพร่เชื้อ และติดต่อกันจากผู้ป่วยสู่คนอื่นๆได้ ผ่านการไอ จาม เอาละอองจากน้ำลายและเสมกะออกมาปะปนอยู่ในอากาศ แล้วคนอื่นสูดอากาศนั้นเข้าไปในร่างกาย หรือเผลอสัมผัสเอาน้ำมูก น้ำลายของผู้ป่วยโดยตรง

เด็กเล็ก คนชรา สตรีมีครรภ์ หรือผู้ที่มีร่างกายไม่แข็งแรง ภูมิต้านทานโรคต่ำ ก็สามารถติดโรคหัดได้ง่าย และที่พบได้บ่อยที่สุด คือ กลุ่มนเด็กแรกเกิด – 4 ปี

อาการของโรคหัด  หลังจากร่างกายได้รับเชื้อไวรัสมาแล้วภายใน 14 วัน

  • มีไข้ตัวร้อน อาจมีไข้สูงถึง 40 องศาเซลเซียสได้
  • น้ำมูกไหล
  • ไอบ่อย
  • เจ็บตา
  • ตาเยิ้มแดง
  • มีตุ่มแดงๆ ที่มีสีขาวเล็กๆ ตรงกลางขึ้นในกระพุ้งแก้ม
  • มีผื่นขึ้นตามร่างกาย เป็นผื่นแดงออกน้ำตาลกระจายทั่วใบหน้า และลำคอ (ภายใน 3-5 วัน ผื่นจะค่อยๆ หายไปเอง)

อันตรายของโรคหัด

โดยทั่วไป โรคหัดสามารถรักษาให้หายได้ แต่หากเกิดภาวะแทรกซ้อนขึ้น โดยเฉพาะภาวะที่แทรกซ้อนที่เกิดขึ้นกับเด็กเล็กที่อายุต่ำกว่า 1 ปี รวมถึงผู้ใหญ่ที่สุขภาพไม่แข็งแรง อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายถึงชีวิตได้ เช่น ท้องเสีย อาเจียน จนอาจทำให้อยู่ในภาวะขาดน้ำ , หูชั้นกลางติดเชื้อ อักเสบ ทำให้รู้สึกปวดหู , ดวงตาติดเชื้อ ทำให้ตาเยิ้มแดง , กล่องเสียงอักเสบ , ปอดบวม ปอดอักเสบ หลอดลมอักเสบ และโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจอื่นๆ , ไวรัสตับอักเสบ , ตาเหล่ ตาบอด หากไวรัสทำลายระบบประสาท และกล้ามเนื้อตา , เยื่อหุ้มสมองอักเสบ , หัวใจ และระบบประสาทถูกทำลาย , สมองทำงานผิดปกติ

วิธีรักษาโรคหัด

โรคหัดเป็นอีกหนึ่งโรคที่ไม่มีตัวยาใดๆ รักษาโรคนี้ได้โดยตรง (เช่นเดียวกันกับโรคหวัด) แพทย์อาจสั่งยาเพื่อช่วยลดอาการที่เกิดขึ้น เช่น ยาลดไข้ (ที่ไม่ใช่แอสไพริน) ยาลดน้ำมูก ยาแก้ไอ ผู้ป่วยควรงดออกจากบ้านไปที่สาธารณะเมื่อมีอาการไข้ และผื่นขึ้นตามตัว รวมถึงไอ และจาม เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไวรัสสู่ผู้อื่น ดื่มน้ำ 6-8 แก้ว และทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ จะช่วยให้ร่างกายค่อยๆ ต่อสู้กับเชื้อไวรัสจนหายเป็นปกติได้

วิธีป้องกันโรคหัด

  1. อยู่ให้ห่างจากผู้ป่วยโรคหัด เพื่อป้องการการติดต่อ
  2. ล้างมือให้สะอาดก่อนทานอาหาร หรือหยิบจับอาหารเข้าปาก
  3. ออกกำลังกายให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันอยู่เสมอ
  4. พักผ่อนให้เพียงพอ
  5. ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
  6. ให้เด็กเล็กฉีดวัคซีนป้องกันโรคหวัด เข็มแรกตอนอายุ 9 เดือน เข็มที่ 2 ตอนอายุ 2 ขวบครึ่ง หากฉีดวัคซีน Measles-Mumps-Rubella Vaccine (MMR) เด็กสามารถรับวัคซีนได้ครั้งแรกเมื่ออายุครบ  9-12 เดือน และรับวัคซีนครั้งต่อไปเมื่ออายุ 4-6 ปี
  7. เด็กโต หรือผู้ใหญ่ที่ไม่มีภูมิคุ้มกันโรคหัด สามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนได้ 2 ครั้งเช่นกัน แต่ละครั้งห่างกันอย่างน้อย 28 วัน

 

ขอขอบคุณ

ข้อมูลจาก : sanook.com , กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข , workpointnews.com

ภาพจาก : vichaivej.com