11 อาการของลูกน้อยที่คุณแม่ไม่ควรละเลย
เด็กๆไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ คุณพ่อคุณแม่ก็ควรต้องสังเกตอาการลูกให้ได้ ว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่ อย่ารอจนกว่าลูกจะเอ่ยปาก เพราะเรื่องบางอย่างต้องสังเกตและรีบแก้ปัญหาทันทีก่อนสายเกินไปค่ะ
11 อาการของลูกที่คุณไม่ควรละเลย
- ลูกดูเครียด ซึม อาจจะไม่มีอาการไข้ขึ้นหรือไม่สบายให้เห็น แต่อาจจะแสดงทางสีหน้า หรือเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ตลอดเวลาถ้าเป็นแบบนี้ไม่ควรปล่อยผ่านไปค่ะ พาไปปรึกษาคุณหมอดีกว่า
- มีไข้สูง อุณหภูมิปกติของเด็กจะอยู่ที่ 36-37.5 องศาเซลเซียส สำหรับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 6 เดือนหากมีอุณหภูมิอยู่ที่ 37.6-38.4 องศาเซลเซียส ถือว่าไข้ขึ้นสูง ส่วนเด็กอายุสูงกว่า 6 เดือนขึ้นไปถ้าเกิน 38.5 องศาเซลเซียสถือว่าไข้ขึ้นสูงต้องหาทางลดไข้และรีบพาไปหาหมอค่ะ
- มีไข้ติดกันนาน 3 วันขึ้นไป โดยกินยาและเช็ดตัวแล้วอาการไม่ดีขึ้น ต้องรีบพาไปหาหมอเช่นกันค่ะ
- มีผื่นแดงขึ้นตามตัว และมีอาการลุกลามใหญ่ขึ้น หรือ มีอาการบวมแดงตรงบริเวณที่ผื่นขึ้น และมีอาการหายใจไม่ออก หายใจติดขัด เป็นต้น
- มีตุ่มขึ้นตามตัวเหมือนลักษณะผิดปกติ หรือมีตุ่มลักษณะเหมือนไฝที่ไม่เคยมีขึ้นมาก่อนต้องรีบให้แพทย์ตรวจสอบด่วน เพราะอาจเกิดเป็นมะเร็งผิวหนังได้ค่ะ
- ปวดท้องแบบกะทันหัน หรืออาจปวดท้องด้านขวาล่างลงมาอาจเป็นอาการของไส้ติ่ง หรือถ้าปวดท้องแล้วมีอาเจียน อาจเกิดจากกระเพาะอาหารอักเสบ ยิ่งถ้ามีเลือดออกต้องรีบพบแพทย์ทันที
- ปวดหัว และอาเจียน อาจเป็นอาการเริ่มต้นของไมเกรน แต่ถ้ามีอาการรุนแรงมากกว่านั้นอาจเกิดจากโรคอื่นให้รีบพบแพทย์เช่นกันค่ะ
- ปัสสาวะลดลง ปากแห้ง กระหม่อมบุ๋ม อาเจียน ท้องเสีย อาการเหล่านี้อาจเกิดจากอาการขาดน้ำ ต้องรีบพบแพทย์เช่นกันค่ะ
- หน้าบวม ตัวบวม อาเจียน หรือคัน อาการนี้อาจเกิดจากภูมิแพ้ค่ะ ถ้ารุนแรงมากต้องพบแพทย์นะคะ
- เลือดออกมากเกินไป ไม่ว่าแผลจะเล็กหรือใหญ่ถ้าห้ามเลือดแล้ว เลือดยังออกไม่หยุดให้รีบหาหมอด่วนค่ะ
- ริมฝีปากซีดจาง เขียวคล้ำ หายใจติดขัด หายใจทางปาก อาจเป็นอาการแพ้อะไรบางอย่าง หรือ อาจเกิดจากโรคที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจ หรือ โรคปอด
อาการเหล่านี้ คุณพ่อหรือคุณแม่ไม่ควรละเลยเป็นอันขาด เพราะอาการบางอย่างนั้นถือได้ว่าเป็นสัญญาณของโรคร้ายแรงต่างๆทั้งสิ้น ควรสังเกตุอยู่ตลอดเวลาเพื่อจะได้หาทางแก้และพาไปหาหมอได้ทันเวลานะคะ
บทความแนะนำ :
5 สัญญาณบ่งบอก ลูกน้อยมีพัฒนาการผิดปกติ
5 อาการป่วยที่คุณแม่ไม่ควรวางใจของเด็ก 1-3 ปี
ขอบคุณข้อมูลจาก : maerakluke