4 อาหารต้านโรคยอดฮิตของลูกรัก

1. ท้องผูก
ถึงแม้ลูกจะถ่ายทุกวันแต่ถ้าอุจจาระแข็งเป็นก้อนแข็ง ๆ เม็ด ๆ หรือถ่ายยาก ถ่ายลำบาก ก็ถือว่าเป็นอาการท้องผูก ซึ่งบางครั้งอาจมีเลือดปนติดออกมาด้วยหลายครอบครัว กว่าลูกจะถ่ายได้สำเร็จแทบจะร้องไห้ไปกับลูก
กินอะไรดี : กล้วยน้ำว้า, มะละกอ, ส้ม, น้ำลูกพรุน, ผักกาดขาว
ผักผลไม้ที่กล่าวมาจะมีลักษณะนิ่ม มีกากใยสูง ทั้งยังมีเอนไซม์ที่ช่วยในการย่อย ช่วยให้ระบบขับถ่ายเป็นไปอย่างสะดวก
Tip : ถ้าลูกเพิ่งเริ่มกินน้ำผลไม้ ให้คุณแม่เจือจางน้ำผลไม้กับน้ำต้มสุก 1:1
2. ไอ มีเสมหะ
การไอเป็นกลไกหนึ่งของร่างกาย เพื่อกำจัดสิ่งแปลกปลอมที่เข้าไปในทางเดินหายใจ เช่น มีฝุ่น เสมหะ เป็นต้น การไอ หายใจครืดคราด และมีเสมหะร่วมด้วย มักเป็นต้นเหตุให้ลูกน้อยหายใจไม่สะดวก เกิดอาการหงุดหงิด งอแงได้ง่าย
กินอะไรดี : น้ำมะตูม, น้ำองุ่น
เป็นสมุนไพรคลายร้อน รสหวานเย็น สรรพคุณแก้ลม แก้เสมหะ แก้มูกเลือดและแก้กระหายน้ำ ขับลม เจริญอาหาร สามารถนำส่วนต่าง ๆ ของมะตูมมาใช้เป็นยา ได้แก่ ราก ใบ ผลแก่ และสุกค่ะ
Tip : ควรนำมะตูมแห้งมาต้มเอง และปรุงรสไม่ให้หวานมากเกินไปคุณแม่จะได้ควบคุมเรื่องความสะอาดและรสชาติได้เอง ถ้าจะทำน้ำองุ่น ให้นำองุ่นมาปอกเปลือก ล้างให้สะอาด แล้วนำมากรองผ่านตะแกรงหรือผ้าขาวบาง
3. ไข้หวัด
อาการไอ น้ำมูกใส หายใจครืดคราด และมีไข้ร่วมด้วย เป็นอาการไข้หวัด พบได้บ่อยในเด็กเล็ก ในช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลง ซึ่งนอกจากให้ลูกน้อยกินนมแม่และน้ำอุ่นบรรเทาอาการแล้ว การกินผัก ผลไม้ก็ช่วยได้
กินอะไรดี : มะเขือเทศ, ส้ม
ผักหรือผลไม้รสเปรี้ยว จะมีวิตามินซีและเบต้าแคโรทีนอยู่มาก สำหรับมะเขือเทศนั้นเป็นผลไม้ที่ทุกคนรู้จักกันดี นำมาเป็นเมนูให้กับลูกน้อย
Tip : มะเขือเทศไม่ควรปรุงด้วยความร้อนสูง เพราะจะทำให้คุณค่าสารอาหารสูญเสียได้ โดยเฉพาะวิตามินซี
4. แผลในปาก
เป็นอาการเจ็บป่วยที่ทำให้เด็ก ๆ ไม่ค่อยยอมกินนม กินข้าว คุณแม่ต้องลองให้ลูกกินอาหารที่มีลักษณะเย็น ๆ สักหน่อย เพื่อที่ลูกจะพอกินได้บ้าง มาดูกันว่าอาหารที่พอทุเลาอาการคืออะไร
กินอะไรดี : น้ำกระเจี๊ยบ หรือฟัก
ส่วนมากเรารู้จักคุ้นชินกับกระเจี๊ยบในรูป น้ำผลไม้ ในน้ำกระเจี๊ยบจะมีวิตามินเอสูง บำรุงสายตา,ฟัน และกระดูก ส่วนฟักเป็นผักพื้นบ้าน ค่อนข้างหาซื้อง่าย มีคุณสมบัติทางสมุนไพรแก้กระหายน้ำเป็นอาหารที่มีลักษณะเย็น ช่วยระบายความร้อนได้
Tip : ถ้าต้มน้ำกระเจี๊ยบให้ลูกควรแช่เย็น แล้วจึงให้ดื่ม เพราะการดื่มของร้อนจะทำให้รู้สึกเจ็บแผลมากยิ่งขึ้น มีการขยายตัวบริเวณที่เกิดแผล
บทความแนะนำ :
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้คลอดก่อนกำหนด!
เข็มขัดพยุงครรภ์ จำเป็นหรือไม่?
ต้องดูแลตัวเองหลังคลอดลูก 7 วันแรกอย่างไร?
ลูกนอนขวางยามใกล้คลอด ทำไงดี?
ขอบคุณข้อมูลจาก : baby.kapook
