5

ในช่วง 1-3 เดือนแรก ลูกของคุณจะหลับและตื่นไม่เป็นเวลา แต่หลังจากอายุ 4-7 เดือนไปแล้ว ลูกจะเริ่มปรับตัวได้และนอนได้นานขึ้น ดังนั้นเด็กช่วงอายุ 4-7 เดือน คือช่วงเวลาที่ดีสำหรับการฝึกเข้านอนของลูกให้เป็นเวลา ถ้าคุณเริ่มฝึกให้ลูกหัดนอนตั้งแต่ช่วงนี้เป็นต้นไปจะเป็นเรื่องที่ดีในอนาคตสำหรับลูก ฉะนั้นวันนี้ผู้ช่วยคุณแม่จึงรวบรวม 5  ขั้นตอนที่ควรทำประจำก่อนพาลูกเข้านอนมาให้ได้ทราบกัน จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลยค่ะ!!

5 ขั้นตอนที่ควรทำประจำก่อนพาลูกเข้านอน

1. เลือกเวลาเข้านอน

เด็กแต่ละคนมีช่วงเวลาการเข้านอนที่ต่างกัน ซึ่งไม่มีเวลาที่กำหนดตายตัวว่าควรพาลูกเข้านอนเวลาไหน แต่ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการเข้านอนของเด็กคือเวลา 18.30-19.30 น.

2. เลือกวิธีกล่อมลูก

การกล่อมลูกนั้นเป็นสิ่งสำคัญมากที่จะช่วยทำให้ลูกนอนหลับ ในช่วงแรกๆคุณอาจร้องเพลงกล่อมด้วยเพลงที่เค้าชื่นชอบอยู่ในอ้อมกอดของคุณก็เพียงพอ แต่เมื่อเวลาผ่านไปคุณควรหาเทคนิคอย่างอื่นเข้ามาใช้เพิ่มเติม เช่นการอ่านนิทานให้ฟัง

3. ปรับแสงไฟ

อย่าเพิ่งปิดไฟมืดโดยทันที แม้ว่าการนอนหลับในที่มืดสนิทนั้นจะช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโตได้ดี แต่เด็กอาจจะกลัวและงอแงไม่ยอมหลับ คุณแม่ลองปรับแสงไฟให้มืดสลัวลงก่อน หลังจากนั้นเมื่อลูกหลับสนิทแล้วค่อยปิดไฟให้มืดสนิทอีกที

4. พาเข้านอนเมื่อลูกง่วง

ลูกจะง่วงเมื่อไรคุณแม่สังเกตได้จากเปลือกตา หากเปลือกตาหนักใกล้จะปิด แสดงว่าควรพาลูกเข้านอนได้แล้ว เด็กทารกส่วนใหญ่มักจะมีช่วงเวลาการนอนหลับอยู่ที่ประมาณ 40-50 นาที เมื่อลูกร้องไห้ตื่นอย่าพึ่งรีบอุ้มลูกทันที คุณแม่ควรใช้วิธีกล่อมแบบที่ลูกชอบ เพื่อให้ลูกหลับลึกและนานขึ้น

5. เปลี่ยนวิธีกล่อมลูก หากวิธีที่ใช้ประจำไม่ได้ผล

ในการพาลูกเข้านอนแต่ละคืนนั้น คุณแม่ไม่อาจใช้วิธีเดิมๆ กล่อมลูกหลับได้ตลอดไป เมื่อลูกโตขึ้นวิธีที่ใช้อยู่อาจใช้ไม่ได้ผล ลองปรับเปลี่ยนวิธีอื่น ในแต่ละคืนคุณควรลองสังเกตว่าวิธีไหนลูกชอบ หรือไม่ชอบ

 

บทความแนะนำ :

ลูกน้อยนอนผวา เป็นอันตรายหรือไม่
9 เหตุผลที่คุณแม่ควรอ่านนิทานให้ลูกฟัง
15 เรื่องที่คุณแม่ควรรู้หากคิดแยกห้องนอนกับลูก
เลือกเตียงนอนแบบไหน ให้เจ้าตัวเล็กดีนะ?

ขอบคุณข้อมูลจาก : maerakluke