มือเท้าปาก โรคยอดฮิตของเด็ก ครึ่งแรกปี’60 ป่วยแล้วกว่า 7 พันราย!!
มือเท้าปาก โรคยอดฮิตของเด็ก ครึ่งแรกปี’60 ป่วยแล้ว 7 พันราย!!
มือเท้าปาก เป็นโรคที่พบได้บ่อยในเด็กทารกและเด็กเล็กที่มีอายุต่ำกว่า 5 ขวบ และมักจะพบการระบาดในสถานรับเลี้ยงเด็ก โรงเรียนอนุบาลและสถานศึกษาต่าง ๆ
นายเมธิพจน์ ชาตะเมธีกุล ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคติดต่อ สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า กทม. ได้ดำเนินการเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรคมือเท้าปากในช่วงฤดูกาลระบาด โดยเฉพาะหน้าฝน สำหรับปี 2560 ตั้งแต่ ม.ค.-ส.ค. มีรายงานผู้ป่วยโรคมือเท้าปาก 7,729 ราย แต่ยังไม่มีผู้เสียชีวิตจากโรคมือเท้าปาก โดยช่วงเวลาที่มีผู้ป่วยมากที่สุดคือในช่วงเดือน มิ.ย. และ ก.ค. ช่วงอายุที่พบผู้ป่วยโรคมือเท้าปากมากที่สุด คือ ช่วงอายุ 0-4 ขวบ ต่อมาคือช่วงอายุ 5-9 ขวบ และ 3.ช่วงอายุ 10-14 ปี จึงต้องเฝ้าระวังโดยเฉพาะในสถานศึกษาที่มีเด็กเล็กซึ่งมีความเสี่ยง
แนวทางการดำเนินการสำหรับโรคมือ เท้าปากเป็นโรคที่พบได้บ่อยในเด็กทารกและเด็กเล็กที่มีอายุต่ำกว่า 5 ขวบ และมักจะพบการระบาดในสถานรับเลี้ยงเด็ก โรงเรียนอนุบาลและสถานศึกษาต่าง ๆ ขอให้ผู้ปกครองและศูนย์เด็กเล็กร่วมกันเข้มงวดการรักษาความสะอาดของสถานที่และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เด็ก ใช้งานเป็นประจำและกวดขันสุขลักษณะการกินอยู่ การรับประทานอาหารต่าง ๆ ตลอดจนสังเกตอาการผิดปกติของเด็ก ๆ เพื่อจะได้เข้ารักษาได้อย่างรวดเร็วหากมีการเจ็บป่วย
มือเท้าปาก มีอาการและภาวะแทรกซ้อนอย่างไร
มือเท้าปาก โรคนี้จะมีอาการเริ่มต้น คือ จะคล้ายไข้หวัด คือ มีตุ่มใส หรือแผลร้อนในเกิดขึ้นหลายแผลในปาก และมีอาการเจ็บ มีผื่นแดงหรือตุ่มใส ขนาดเล็กที่บริเวณฝ่ามือ นิ้วมือ ฝ่าเท้า หรือก้น และมีอาการไข้เป็นระยะเวลา 5-7 วัน
มือเท้าปาก อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบ สมองอักเสบ อัมพาตกล้ามเนื้ออ่อนปวกเปียก หรือกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ไปจนถึงเสียชีวิตได้ โดยอาการแทรกซ้อนไม่สัมพันธ์กับจำนวนแผลในปากหรือตุ่มที่พบตามฝ่ามือฝ่าเท้า ในรายที่มีอาการแทรกซ้อนรุนแรงอาจมีแผลไม่กี่จุดในลำคอหรืออาจมีตุ่มเพียงไม่กี่ตุ่มตามฝ่ามือฝ่าเท้าก็ได้ ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ควรดูแลลูกอย่างใกล้ชิดในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก แม้จะดูว่าผื่นและแผลในปากหายไปแล้วก็ตาม โดยสัญญาณเตือนของภาวะแทรกซ้อนรุนแรงที่คุณพ่อคุณแม่ควรพาลูกไปพบแพทย์ทันที เช่น
- เด็กมีอาการซึมลง ไม่เล่น ไม่อยากรับประทานอาหารหรือนม
- บ่นปวดศีรษะมาก ปวดทนไม่ไหว
- มีอาการพูดเพ้อไม่รู้เรื่อง สลับกับการซึมลง หรือเห็นภาพแปลกๆ
- ปวดต้นคอ คอแข็ง มีการรับรู้สับสน ซึมลง และอาเจียน
- มีอาการสะดุ้งผวา ตัวสั่นๆ แขนหรือมือสั่นบ้าง
- มีอาการไอ หายใจเร็ว ดูเหนื่อยๆ หน้าซีด มีเสมหะมาก โดยอาจมีหรือไม่มีไข้ร่วมด้วยก็ได้
มือเท้าปากป้องกันอย่างไร
- หลีกเลี่ยงการให้เด็กคลุกคลีหรือใกล้ชิดกับผู้ป่วย
- รักษาอนามัยส่วนบุคคล โดยเฉพาะผู้เลี้ยงดูเด็กเล็กควรล้างทำความสะอาดมือก่อนหยิบจับอาหารให้เด็กรับประทาน และรับประทานอาหารที่สุก สะอาด ปรุงใหม่ๆ ไม่มีแมลงวันตอม ดื่มน้ำสะอาด
- ไม่ใช้ภาชนะในการรับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่น โดยเฉพาะช้อน จาน ชาม แก้วน้ำ ขวดนม
- เมื่อเช็ดน้ำมูกหรือน้ำลายให้เด็กแล้วต้องล้างมือให้สะอาดโดยเร็ว
- รีบซักผ้าอ้อมหรือเสื้อผ้าที่เปื้อนอุจจาระให้สะอาดโดยเร็ว และทิ้งน้ำลงในโถส้วม ห้ามทิ้งลงท่อระบายน้ำ
- หากเด็กมีอาการของโรคมือเท้าปากให้รีบพาเด็กไปพบแพทย์ และเมื่อแพทย์วินิจฉัยว่าเป็นโรคมือเท้าปาก ต้องให้เด็กหยุดเรียนอย่างน้อย 1 สัปดาห์ หรือจนกว่าแผลจะหาย
ในกรณีที่มีการติดเชื้อโรคมือเท้าปากชนิดที่มีอาการรุนแรงโดยเฉพาะมีการเสียชีวิต เช่น เชื้อเอนเทอโรไวรัส 71 สถานรับเลี้ยงเด็กหรือโรงเรียนอนุบาลอาจจำเป็นต้องใช้มาตรการการป้องกันที่เข้มข้นขึ้น เช่น
- การปิดทั้งโรงเรียนเป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ทำความสะอาดห้องเรียนและของเล่นต่างๆ
- การคัดแยกเด็กป่วยออกตั้งแต่เดินเข้าที่หน้าประตูโรงเรียน
- การหมั่นล้างมือ เช็ดถูทำความสะอาดห้องเรียนและของเล่นต่างๆ
บทความแนะนำ :
เตือนคุณแม่!! อันตรายจากการใช้นมผสมไม่ถูกต้อง!!
น่าตกใจ! ตับแข็ง เป็นได้ตั้งแต่เด็ก
เตือน!! ใช้มือถือตั้งแต่เด็ก เสี่ยงเป็นมะเร็งสมองสูงเกือบ 5 เท่า!!
รักษาลูกน้อยสะดือจุ่น ควรทำอย่างไรดี?
ขอบคุณข้อมูลจาก : เดลินิวส์ , สสส. และ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์

