สื่อรายการ แบบไหนที่ลูกน้อยไม่ควรดู พ่อแม่ควรรู้ !!
สื่อรายการ
สื่อรายการ เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่สามารถเข้าถึงและทันโลกได้เร็วขึ้น แต่สื่อต่างๆก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ซึ่งปัจจุบันหลายบ้านมักให้ลูกสัมผัสและเข้าถึงทีวีหรือสื่อรายการต่างๆมากขึ้น แต่อย่าหลงลืมว่าสื่อและเทคโนโลยีเป็นดาบสองคมเสมอ ทั้งให้ข้อดีและข้อเสียได้เหมือนกัน วันนี้เรามีคำแนะนำสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ชอบให้ลูกดูทีวีหรือดูสื่อรายการต่างๆตั้งแต่ยังเล็ก มีสื่อรายการแบบไหนบ้างที่เด็กไม่ควรดู ไปติดตามกันค่ะ….
สื่อรายการแบบใหนที่เด็กไม่ควรดู
1.ละครดราม่า รัก ริษยา โศกเศร้า เคล้าน้ำตา มั่วเซ็กส์ คุกคามทางเพศ
ลองคิดดูสิว่า แค่ลำพังเหตุการณ์ในชีวิตประจำวันภายในบ้านก็อาจสร้างความปวดหัวให้คุณได้แล้ว คุณกับลูกยังต้องมานั่งดูเหตุการณ์จำลองที่สร้างขึ้นมาเพื่อเสนอสงครามอารมณ์ที่เว่อร์สุดขีดอีกหรือ
2.ภาพยนตร์ชุดเป็นตอนๆ หรือซีรีส์และภาพยนตร์ตื่นเต้นระทึก ต่อสู้รุนแรง
โดยมากมักเป็นภาพยนตร์จากต่างประเทศ โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับตำรวจ สงคราม นักสืบหรือพิศวาสฆาตกรรม ที่หนีไม่พ้นฉากการไล่ล่าฆ่าฟัน ภาพระเบิด หรือภาพสยดสยองซึ่งกระทบต่อเด็กตั้งแต่วัยหัดคลาน เพราะสีหน้าของตัวละครที่บูดบึ้งหรือมีกิริยาข่มขู่ตะคอกจะทำให้เด็กเริ่มใจเสีย หวาดกลัว และร้องไห้ และเมื่อเขาได้ดูบ่อยๆ ก็จะฝังอยู่ในหัวสมอง ทำให้เด็กฝังใจกับจินตนาการอันน่ากลัว
3 . ภาพยนตร์ที่มีการถ่ายภาพระยะใกล้
ใบหน้าตัวแสดงในทีวีมีผลกระทบต่อเด็กเช่นเดียวกัน เพราะเด็กเล็กจะชอบดูใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส แต่ถ้าได้เห็นใบหน้าถมึงทึง ตาเหลือกค้าง หรือหน้าผีเละๆ ที่แสดงออกถึงอารมณ์ไม่ปกติ ภาพเหล่านี้จะทำให้เด็กกลายเป็นคนขี้กลัวโดยไม่มีเหตุผลหรืออาจเกิดความชินชาต่อความเจ็บปวด ความหายนะของผู้อื่น และขาดการเรียนรู้เรื่องความเห็นอกเห็นใจหรือการช่วยเหลือเกื้อกูลกันในระหว่างเพื่อนมนุษย์
4 .รายการที่มีเสียงประกอบดังรุนแรง
บางรายการภาพอาจไม่เป็นพิษ แต่อาจมีเสียงที่เป็นพิษ เช่น เสียงกริ่งหรือกระดิ่งนานๆ เสียงร้องโหยหวนของปีศาจ เสียงไซเรนรถ หรือหวีดร้อง เป็นต้น เสียงเหล่านี้อาจทำให้เด็กตื่นกลัวและเกิดอารมณ์วุ่นวายสับสนได้สื่อหรือรายการแบบไหนที่เด็กไม่ควรดู
บทความแนะนำ :
ลูกเป็นออทิสติกเพราะทีวี จริงหรอ?
เตือน!! อย่าปล่อยให้ลูกดูทีวีวันละ 3 ชม. เสี่ยงเป็น “เบาหวาน”
7 เหตุผลที่ลูกน้อยไม่ควรดูทีวี…
เตือนพ่อแม่ ผลกระทบจากการดูทีวีของลูกน้อยที่ควรระวัง !!
ขอบคุณข้อมูลจาก : หนังสือ คุณใช้หน้าจอเป็นพี่เลี้ยงลูก และ สำนักศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ (สสส.)

