อุบัติเหตุของลูกน้อยที่พ่อแม่ต้องระวัง มีอะไรบ้างนะ?

วัยขวบปีแรกเป็นวัยที่ต้องดูตลอดเวลา เนื่องจากเป็นวัยที่ยังไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ เพราะฉะนั้น การจัดสิ่งเเวดล้อมภายในบ้านให้ปลอดภัยนั้นเป็นเรื่องสำคัญมากๆ เพราะอาจมีบางช่วงบางเวลาที่ต้องปล่อยลูกไว้คนเดียวเพียงลำพัง เช่น เข้าห้องน้ำ หันไปหยิบจับโน่น นี่ และมีหลายเหตุการณ์ที่ผู้เลี้ยงนั้นคาดไม่ถึงว่าอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ จึงรวบรวมอุบัติเหตุเกี่ยวกับเด็กวัยขวบปีแรกที่ต้องเฝ้าระวังมาฝากกันค่ะ
1.ตกเตียง
อุบัติเหตุตกเตียง ควรมีอุบปกรณ์กั้นเตียงให้ทนทานเเข็งแรง
2.ล้มหัวกระแทก
เด็กวัยคลาน ควรให้อยู่ในห้องที่ไม่มีอุปกรณ์ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายกับเด็ก เช่น กระติกน้ำร้อน ถ้ามีต้องเก็บให้พ้นมือเด็ก เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ต้องไม่มีมุมเหลี่ยมคม หากมีควรใส่อุปกรณ์กันกระแทกหรือหาของนุ่มๆ มาหุ้ม ไม่ควรให้เด็กใช้รถหัดเดิน เพราะนอกจากจะไม่ได้ช่วยให้เด็กเดินได้เร็วขึ้นแล้วยังทำให้พัฒนาการโดยทั่วไปของเด็กช้าลงอีกด้วย อีกทั้งอาจเกิดการพลิกคว่ำหรือตกบันไดได้
- ของติดคอ
เด็กเริ่มกิน เริ่มหยิบของเข้าปาก ต้องระวังการสำลักอุดกั้นทางเดินหายใจ โดยอย่าปล่อยให้เด็กอยู่กับของชิ้นเล็กๆ เช่น ของเล่น โดยลำพังแม้เพียงชั่วขณะของเล่นสำหรับเด็กนั้น ส่วนประกอบต้องแน่นหนา ไม่หลุดง่าย เพราะอาจหลุดเข้าปากเด็กเข้าไปอุดกั้นทางเดินหายใจ จุกนมหลอกต้องไม่เล็กหรือใหญ่จนเกินไป ไม่มีรอยฉีกขาดระหว่างจุกนมกับฐานและไม่มีสายคล้องคอเพื่อป้องกันการรัดคอเด็ก
4.ขาดอากาศหายใจ
ถุงพลาสติกขนาดใหญ่ก็อาจเป็นอันตรายกับทารกได้ เพราะเด็กอาจคลานมุดเข้าไป หรือนำมาคลุมศีรษะเล่นแล้วไม่สามารถดึงออกได้จนทำให้ขาดอากาศหายใจ จึงควรเก็บถุงพลาสติกให้มิดชิดและไม่ควรเก็บของเล่นไว้ในถุงพลาสติก
5.ของร้อนลวก
อย่าอุ้มเด็กขณะที่ถือของร้อน เช่น ถ้วยกาแฟ และหลีกเลี่ยงการวางของร้อนบริเวณขอบโต๊ะหรือบนโต๊ะที่ปูผ้าปูโต๊ะ เพราะเด็กอาจดึงผ้าปูโต๊ะและของร้อนหกรดได้
6.มีดบาด
ไม่ควรให้เด็กคลานหรือเล่นในห้องครัว ควรให้เด็กอยู่ห่างจากห้องครัวขณะที่มีการประกอบอาหาร
7.พาลูกซ้อนมอร์เตอร์ไซด์
ควรใช้ที่นั่งนิรภัยทุกครั้งที่เด็กโดยสารในรถ ไม่ควรให้เด็กนั่งตักขณะขับรถยนต์หรือโดยสารรถจักรยานหรือจักรยานยนต์
บทความแนะนำ :
เด็กทารกต้องการกอด จริงหรอ?
ข้อควรรู้เกี่ยวกับเล็บทารกและการตัดเล็บทารก
ทารกแรกเกิดเริ่มเห็นสีผิวชัดเจนตอนไหน?
ทารกแรกเกิดจำเป็นต้องสวมหมวกหรือเปล่านะ?
ขอบคุณข้อมูลจาก : healthybeautyroom.blogspot.com
